วันพุธที่ 7 ธันวาคม พ.ศ. 2559

การดื่มน้ำถูกวิธี จุดเริ่มต้นของการมีสุขภาพดี




เพราะร่างกายของคนเรามีน้ำเป็นส่วนประกอบอยู่ถึง 75% ของน้ำหนักตัว เราอาจจะอดอาหารได้เป็นเดือน ๆ แต่ร่างกายไม่สามารถขาดน้ำได้เกินกว่า 3 -7 วัน เพราะน้ำถือเป็นองค์ประกอบที่สำคัญของอวัยวะต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นผิวหนังที่มีน้ำอยู่ถึง 64%, กล้ามเนื้อ 79%, หัวใจ 73%, สมอง 73%, ปอด 83% หรือแม้กระทั่งกระดูกที่มีปริมาณน้ำอยู่ถึง 31% ดังนั้นประโยชน์ของการดื่มน้ำอย่างถูกวิธี จะช่วยทำให้สุขภาพและการทำงานของอวัยวะต่างๆ มีประสิทธิภาพมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการไหลเวียนของโลหิตดีขึ้น การทำงานของหัวใจเป็นปกติ สมองปลอดโปร่ง ผิวพรรณชุ่มชื่น ไม่ปวดกระดูก อีกทั้งยังช่วยให้ระบบขับถ่ายดีขึ้น ส่งผลให้ร่างกายแข็งแรงอย่างที่เรียกกันว่าสุขภาพดีจากภายในสู่ภายนอก 

วันนี้เราจึงมีคำแนะนำดีๆ จาก คุณทนงศักดิ์ วงษาโสม Fitness Training and Development Manager จาก ฟิตเนส เฟิรส์ท ที่จะมาไขข้อข้องใจว่าการดื่มน้ำให้ถูกวิธีต้องทำอย่างไร

ดื่มน้ำเท่าไรดี?

ตำราไหนก็บอกว่า ควรดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว ว่าแต่ขนาดแก้วนี่คือแก้วเล็กหรือแก้วใหญ่ แล้วคนตัวใหญ่กับคนตัวเล็กก็ดื่มน้ำเท่ากันเหรอ ในความเป็นจริงทุกคนสามารถคำนวณปริมาณน้ำที่ร่างกายต้องการต่อวันง่ายๆ โดย 

น้ำหนักร่างกาย 10 กิโลกรัม ต้องการน้ำ 300 มิลลิลิตรต่อวัน

ดังนั้น คนที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัม ก็ต้องการน้ำ 1,500 มิลลิลิตรต่อวัน คนที่น้ำหนัก 70 กิโลกรัม ร่างกายก็ต้องการน้ำ 2,100 มิลลิลิตรต่อวัน เป็นต้น และควรจะดื่มแบบค่อยๆ จิบตลอดวัน ทุก 15 – 20 นาที ไม่ใช่การดื่มรวดเดียวในปริมาณมากๆ




การดื่มน้ำช่วยให้การออกกำลังกายมีประสิทธิภาพมากขึ้น!

และสำหรับคนรักสุขภาพและการออกกำลังกาย การดื่มน้ำให้เพียงพอถือเป็นอีกปัจจัยสำคัญกับการออกกำลังกายเป็นอย่างมาก เพราะนอกจากน้ำจะเป็นส่วนประกอบของกล้ามเนื้อแล้ว ยังส่งผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ และช่วยรักษาการทำงานของข้อต่อต่างๆ อีกด้วย

การดื่มน้ำช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการออกกำลังกายเพราะ

  • กล้ามเนื้อทำงานได้ดี ซึ่งรวมถึงการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ทำให้ขนส่งออกซิเจนไปใช้ได้เพียงพอ
  • ระบบหายใจทำงานอย่างมีประสิทธิภาพ
  • เกลือแร่และน้ำในกล้ามเนื้อมีความสมดุล หากขาดความสมดุลจะเป็นสาเหตุของความเมื่อยล้าหลังออกกำลัง
  • น้ำช่วยหล่อลื่นและลดการกระแทกของข้อต่อขณะเคลื่อนไหว

จากข้อมูลของ American College of Sports Medicine ระบุว่า ร่างกายควรได้รับน้ำทั้งช่วงก่อน ระหว่าง และหลังการออกกำลัง เพื่อป้องกันการขาดน้ำ

วิธีการป้องกันการขาดน้ำในระหว่างออกกำลังกาย

  • 2 ชั่วโมงก่อนออกกำลังกาย 500-600 มิลลิลิตร ปริมาณโดยรวมแนะนำให้ค่อยๆ จิบดื่มเป็นระยะไม่ใช่ดื่มในครั้งเดียว
  • ระหว่างออกกำลังกาย 120-240 มิลลิลิตร ปริมาณโดยรวมเมื่อจิบน้ำทุก 15-20 นาที
  • เมื่อชั่งน้ำหนักหลังออกกำลังกายแล้วให้ดื่มน้ำทดแทนในปริมาณที่เท่ากับน้ำหนักที่ลดไป

นั่นจึงเป็นเหตุผลของการชั่งน้ำหนักก่อนและหลังออกกำลังกายของนักกีฬาเพื่อจะได้รู้ปริมาณของน้ำที่ร่างกายเสียไป และดื่มทดแทนหลังออกกำลังกาย

ดังนั้นหากใครที่เคยออกกำลังแล้วรู้สึกว่าหมดแรงระหว่างออกกำลังกาย หลังออกกำลังกายมีอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ สภาพร่างกายอ่อนล้า วันรุ่งขึ้นดูโทรมแทนที่จะรู้สึกสดชื่น ส่วนหนึ่งเป็นเพราะร่างกายอยู่ในสภาวะขาดน้ำ เนื่องจากดื่มน้ำไม่เพียงพอต่อปริมาณที่สูญเสียไป

โดยสัญญาณเตือนว่าร่างกายเริ่มขาดน้ำที่สามารถจับสังเกตตัวเองได้ อาทิ กระหาย คอแห้ง ริมฝีปากแห้ง ตาโหล หายใจถี่ เวียนหัว ปัสสาวะสีเข้ม มีกลิ่นแรง ปัสสาวะน้อย ไม่มีแรง หงุดหงิดง่าย ประสิทธิภาพในการทำงาน การตัดสินใจ และการออกกำลังกาย ลดลง

รู้หรือไม่...

ยิ่งร่างกายมีมวลกล้ามเนื้อมากเท่าไร ยิ่งมีปริมาณน้ำมากเท่านั้น ในทางกลับกัน ยิ่งร่างกายมีปริมาณไขมันมากเท่าไร ยิ่งมีปริมาณน้ำในร่างกายน้อย 

ดังนั้นร่างกายที่มีปริมาณไขมันมากจึงลดประสิทธิภาพในการทำงานของระบบต่างๆ ของร่างกายไปด้วย ถ้าอยากมีสุขภาพดีก็หันมาดูแลตัวเองด้วยการออกกำลังกายและดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการกันเถอะ